เด็กติดมือถือ



เมื่อก่อนน้อง ตะวัน ติดเกมส์มาก ห้ามก็ไม่ฟัง ขาดสติ ดื้อ โมโหง่ายอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ทำงานเสร็จช้า คุณครูบอกชอบหลับใน ห้องเรียนประจำ พยายามช่วยลูกทุกวิธียังไม่ดีขึ้น แม่กลุ้มใจมาก จนวันนึงมีเพื่อนแนะนำให้ลูกทาน อเลอไทด์ เพื่อนบอกว่าลูกเขาทานแล้วอาการดีขึ้นมาก แม่ให้น้อง ตะวัน ทานวันล่ะ 1 เม็ด หลังอาหารเช้า โดยทานต่อเนื่อง 3 เดือน อาการต่างๆของน้องค่อยๆดีขึ้นมากตั้งแต่ 1 เดือนแรกที่ทาน น้องเรียนดีขึ้น มีสมาธิมากขึ้น ใจเย็น มีเหตุผล จำที่ครูหรือแม่สอนมากขึ้น การเรียนน้องทำคะแนนได้ดีกว่าเดิมมาก ช่วยเหลืองานบ้าน คุณแม่ดีใจมาก ต้องขอขอบคุณ "อเลอไทด์" มากๆค่ะ





ลูกติดมือถือ แท็บเล็ต จะแก้ปัญหายังไงดี?

บ่อยครั้งที่พ่อแม่มักไม่มีเวลาดูลูก ก้จะปล่อยให้ลูกเล่นกับโทรศัพท์มือถือบ้าง แท็บเล็ตบ้าง พอนานๆ เข้า ความเคยชิน และสื่อต่างๆ บนโลกออนไลน์กลับทำให้ลูกติดใจจนทำให้ ลูกติดมือถือ ไม่ยอมปล่อย และร้องที่จะเล่นมันทั้งวัน จนพ่อแม่เริ่มเป็นกังวลว่าจะจัดการแก้ปัญหานี้ยังไงดี

วิธีการให้ลูกเล่นมือถือให้น้อยลง

1. คอยกำกับดูแลใกล้ชิด
พ่อแม่ไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นมือคนเดียวนานๆ ควรเข้ามาคอยชี้แนะ ให้คำปรึกษา บแกว่าสิ่งใดดี สิ่งใดไม่ดี เพราะโลกของสังคมออนไลน์มีทั้งดีและไม่ดี เราอาจจะห้ามลูกไม่ได้ตลอดเวลา แต่เราต้องสอนให้ลูกแยกแยะว่าอะไรดี ไม่ดีได้ เพื่อไม่ให้เกิดการประพฤติหรือเลียนแบบสิ่งที่ไม่ดี
2. ดูความเหมาะสม
ก่อนที่พ่อแม่จะปล่อยให้ลูกได้เล่น ควรทำข้อตกลงร่วมกันก่อน บอกว่าเล่นได้แค่ไหน เล่นเสร็จแล้วต้องทำอะไร เพื่อไม่ให้ลูกจดจ่อกับโทรศัพท์ หรือแท็บเล็ตมากเกินไป ถึงแม้จะให้ลูกดูบทเรียน หรือสื่อที่มีประโยชน์ก็ตาม แต่ไม่ควรลืมให้ลูกมีการพูดคุย สื่อสาร และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นด้วย เพื่อให้ลูกสามารถอยู่ร่วมกับโลกแห่งความเป็นจริงได้
3. เรียกร้องความสนใจ
อย่าปล่อยให้ลูกเล่นเกมส์เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เด็กใช้สายตามากเกินไป ควรเรียกให้เข้าได้หลุดออกจากโลกของเกมส์บ้าง หากลูกน้อยนิ่งไม่สนใจ ควรเข้าไปใกล้ๆ สะกิดให้เขารู้สึกตัว พยายามให้เขาฟังในสิ่งที่พ่อแม่ต้องการจะพูดด้วย
4. อย่าให้เด็กรู้สึกว่ามือถือเป็นของเขา
เด็กบางคนพ่อแม่ซื้อมือถือ หรือแท็บเล็ตไว้ให้ต่างหาก เพื่อให้ลูกได้เล่นเกมส์ ดูยูทูป หรือสื่อต่างบนอินเตอร์เน็ตได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากพ่อแม่บางท่านจำเป็นต้องใช้มือถือในการติดต่อประสานงานตลอดเวลา พอลูกรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นของเขา ลูกจะแสดงอารมณ์โกรธและโมโหฉุนเฉียวถ้าพ่อแม่บอกให้หยุด ดังนั้น ควรนำมือถือของคุณให้ลูกเล่นบ้าง
5. พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี
สมัยนี้ไม่ใช่แค่ลเด็กที่ติดมือถือ ผู้ใหญ่บางคนติดมือถือ ติดโซเชียลหนักกว่าเด็กเสียอีก ในเมื่อพ่อแม่ติดมือถือขนาดนั้น แล้วบอกให้ลูกอย่าเล่นมือถือมากคงจะฟังไม่ขึ้น เพราะลูกก็เห็นพ่อแม่เล่นเหมือนกัน หากบ้านใครต่างคนต่างเล่นมือถือไม่สนใจกัน ความสนิทสนม ความสัมพันธ์ในครอบครัวก็จะลดน้อยลงไปอีก



โรคสมาธิสั้น
Attention Deficit Hyperactivity (ADHD)
เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ส่วน Perfrontal Cortex ที่ทำหน้าที่เหมือนหอบังคับ การที่ควบคุม พฤติกรรม สมาธิ ความจำ ความรู้สึก ความตั้งใจ การวางแผน ความยับยั้งชั่งใจ การคิด การคำนวน และการตัดสินใจ ซึ่งเมื่อเกิดความผิดปกติของสารเคมีในสมองส่วนนี้ จะส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น เด็กจะซนเกินไป ไม่อยู่นิ่ง ขาดสมาธิ วอกแวกง่าย ขี้ลืม ใจร้อนวู่วาม หุนหันพลันแล่น จนทำให้เกิดผลเสียต่างๆ ตามมาได้หากไม่รีบรักษา

โรคสมาธิสั้นแบ่งได้ 3 แบบ
แบบที่ 1 : ขาดสมาธิ วอกแวกง่าย ขี้ลืม
แบบที่ 2 : ซุกซนเกินเหตุ ไม่อยู่นิ่ง พูดมาก
แบบที่ 3 : หุนหันพลันแล่น ใจร้อน วู่วาม

เกณฑ์ที่แพทย์ใช้ในการวินิจฉัย
" โรคสมาธิสั้น "
  1. ไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนเสร็จ
  2. ไม่มีสมาธิในขณะทำงานหรือเล่น
  3. ดูเหมือนไม่ค่อยฟังเวลาพูดด้วย
  4. ไม่สามารถตั้งใจฟังและเก็บรายละเอียดได้ ทำให้ทำงานผิดพลาดบ่อยๆ
  5. ไม่ค่อยเป็นระเบียบ
  6. มีปัญหาหรือพยายามหลีกเลี่ยงงานที่ต้องใช้ความคิดหรือสมาธิ
  7. วอกแวกง่าย
  8. ทำของใช้ส่วนตัวหรือของใช้ที่จำเป็นสำหรับงานหรือการเรียนหายอยู่บ่อยๆ
  9. ขี้ลืมบ่อยๆ
  10. ยุกยิก อยู่ไม่สุข
  11. นั่งไม่ติดที่ ลุกเดินบ่อยๆ ขณะอยู่ที่บ้านหรือในห้องเรียน
  12. ชอบวิ่ง หรือปีนป่ายสิ่งต่างๆ
  13. พูดมาก พูดไม่หยุด
  14. ชอบเล่นเสียงดังและรุนแรง
  15. ตื่นตัวตลอดเวลา หรือดูตื่นเต้นง่าย
  16. ชอบโพล่งคำตอบเวลาครูหรือพ่อแม่ถาม โดยที่ยังฟังคำถามไม่จบ
  17. รอคอยไม่เป็น ใจร้อนด่วนได้
  18. ชอบขัดจังหวะหรือสอดแทรกเวลาผู้อื่นกำลังพูดอยู่
หากเด็กคนใด มีอาการเหล่านี้เกิน 6 ข้อขึ้นไป
มีโอกาสสูงที่จะเป็น
" โรคสมาธิสั้น "

ผลกระทบระยะยาวของ
"เด็กสมาธิสั้น"
หากลูกมีอาการเข้าข่ายสมาธิสั้น พ่อ-แม่ ควรรีบแก้ไข เพราะจากงานวิจัยพบว่า เด็กสมาธิสั้นจะไม่สามารถดึงความสามารถออกมาได้เต็มที่ ทั้งด้านการเรียน มนุษย์สัมพันธ์ จนเด็กขาดความมั่นใจในตัวเอง และการเลี้ยงดูอย่างผิดวิธี อาจจะส่งผลให้อาการเหล่านั้นรุนแรงขึ้นได้

"โรคสมาธิสั้น" เกิดจากความผิดปกติของสารสื่อนำประสาทในสมอง ที่มีน้อยเกินไปหรือไม่สมดุล ส่งผลให้เด็กไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้ จึงส่งผลให้เกิดอาการ ซน อยู่ไม่นิ่ง อารมณ์รุนแรง "พ่อ-แม่" ต้องเข้าใจก่อนว่า การที่ลูกมีอาการแบบนี้นั้น ไม่ใช่ความผิดของลูก แต่เกิดจากอาการของโรคสมาธิสั้น








" เห็นผลจริง พิสูจน์แล้ว โดยผู้ใช้จริง "
หายห่วงเรื่องผลข้างเคียง
กดที่ภาพเพื่อดูผลลัพธ์ผู้ใช้เพิ่มเติม




ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
อเลอไทด์ ิby มั่นฟ้า

"พร้อมให้คำปรึกษาฟรี ตลอดโครงการ"






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เด็ก LD (บกพร่องทางการเรียนรู้)

เด็ก ODD ( โรคดื้อต่อต้าน)